ประเด็นร้อน
''บิ๊กแป๊ะ''ฮึ่มฟ้องปูดเซ็งลี้เก้าอี้ตร. แจงเด้งผบช.ภ.8
โดย ACT โพสเมื่อ Jun 14,2017
- - สำนักข่าว มติชน วันที่ 14/06/60 - -
'บิ๊กป้อม'รับเหตุสั่งเด้ง 'ผบช.ภ.8'มีกล่าวหารีดเงินแต่งตั้ง-โยกย้าย ตร. แชร์ว่อนหนังสือร้องเรียน 'บิ๊กตู่' ซื้อขายเก้าอี้มีทีม 3-4 คน ยศ 'พ.ต.ท.พ.ต.ต.-อดีตแคดดี้'
จากกรณี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภ.8) ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) และให้ พล.ต.ท.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผู้ช่วย ผบ.ตร. ไปปฏิบัติราชการแทน ผบช.ภ.8 รวมทั้งให้จเรตำรวจแห่งชาติสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีนายวิทยา แก้วภราดัย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อดีตแกนนำ กปปส. และอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อน การปฏิรูปประเทศ (สปท.) ออกมาแฉมีการ ซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจนั้น
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวถึงกรณีการซื้อขายตำแหน่งตำรวจว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนมาบ่อยครั้ง ครั้งนี้จะได้จับให้มั่นคั้นให้ตายกันเสียทีว่ามันใช่หรือไม่ใช่ ขอบคุณนักการเมืองที่ให้ข้อมูลการซื้อขายตำแหน่ง ก็ให้ตรวจสอบทั้งหมด ตอนนี้ก็มีการย้าย ผบช.ภ.8 เข้ามา ศปก.ตร.แล้ว เพื่อสอบสวนในทุกๆ ประเด็น ซึ่งมีข้อมูลในทุกประเด็นพอสมควร แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมีผลกระทบในเรื่องของการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นพลเรือน ตำรวจ ทหาร แต่ในส่วนของทหารตนยืนยันว่าไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง เพราะซื้อไม่ได้ มันต้องโตมาตั้งแต่เด็กตามช่องทางที่กำหนดไว้ แต่ข้าราชการกับตำรวจมันมีกฎหมายคนละฉบับกัน กำลังให้ไปแก้ปัญหาว่าจะดูแลข้าราชการทุกกลุ่มหน่วยงานได้อย่างไรเพื่อป้องกันการทุจริตคิดประพฤติมิชอบ ให้ได้เป็นข้าราชการที่ดีของแผ่นดิน
"หลายอย่างประเมินมาดีหมด พอครั้งนี้ผมให้ประเมินใหม่ออกมาไม่ดี กลายเป็นว่ารัฐบาลนี้ทำไม่สำเร็จหรือเปล่า เนื่องจากเราเอาจริงเอาจัง ข้าราชการจึงต้องไปปรับปรุง ถ้าทำไม่ได้ ก็ว่ากันอีกที เป็นการเปลี่ยนแปลงปฏิรูประบบราชการ เมื่อมันเปลี่ยนแปลงมันก็ต้องมีปัจจัยหลายอย่างการ ประเมินก็ต้องออกมาคนละอย่างก็ต้องไปแก้ ตรงไหนไม่ผ่านต้องลงโทษ ปรับปรุงอะไรหรือไม่ ข้อสำคัญต้องช่วยกันสร้างความคิดใหม่ๆ ให้ข้าราชการ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า คำสั่งการโยกย้ายครั้งนี้ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่า พล.ต.ท.เทศามีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งนายตำรวจระดับสารวัตร รองสารวัตร และรองผู้กำกับการของตำรวจภูธรภาค 8 ทั้งนี้ ต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 เดินทางเข้ารายงานตัวที่ ศปก.ตร.ตั้งแต่ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ หลังบินด่วนกลับจากประเทศจีนทันทีที่ทราบคำสั่งถูกย้าย ซึ่งเป็นการเดินทางกลับก่อนกำหนด ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ขอสัมภาษณ์ แต่ พล.ต.ท.เทศา ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ ระบุว่าไม่สะดวกแล้ววางหูไปทันที
รายงานข่าวแจ้งว่า มีการฟอร์เวิร์ดผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์เป็นหนังสือร้องเรียนขอให้ตรวจสอบพฤติการณ์นายพลระดับสูงคนหนึ่ง โดยหนังสือเขียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และผู้สื่อข่าวทุกสำนัก สรุปว่า "กระผมรับราชการเป็นตำรวจชั้นประทวนในพื้นที่ภาค 8 เฝ้าดูพฤติการณ์แล้วสงสารเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนตาดำๆ เพราะมีพฤติการณ์เรียกรับเงินไม่ว่าจะเป็นการซื้อตำแหน่ง โดยการซื้อขาย ตำรวจจะติดต่อซื้อขายโดยมีมือขวาทำงานอยู่ 3-4 คน เป็นตำรวจยศ พ.ต.ท., พ.ต.ต. และอีกคนหนึ่งเป็นอดีตแคดดี้สนามกอล์ฟ มีการเรียกเงินหลักแสน หลักล้าน แล้วแต่ตำแหน่ง"
ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายวิทยา แก้วภราดัย กล่าวถึงการสั่งย้าย ผบช.ภ.8 ว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้ มิใช่มีเฉพาะพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 ที่เดียวเท่านั้น และมิได้มีในยุค ผบ.ตร.ยุคนี้ มีมานานแล้ว การตัดสินใจของ ผบ.ตร.มีคำสั่งโยกย้ายครั้งนี้สามารถทำได้ แต่ด้วยเหตุผลอย่างไรไม่ทราบได้ เชื่อว่าการซื้อตำแหน่งมิใช่เฉพาะในภูธร แต่พื้นที่นครบาลการซื้อขายตำแหน่งมีราคาแพงกว่าเป็น 2 เท่า เชื่อว่าคนที่รู้ข้อมูลเรื่องนี้ดีที่สุดคือ ผบ.ตร.
"การย้าย ผบช.ภ.8 หากมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสะสางก็น่าจะใช่ แต่อย่าคิดว่าเรื่องจะจบลงง่ายๆ ถามว่าจากนี้จะจัดการต่อไปอีกหรือไม่ เพราะเรื่องซื้อขายตำแหน่งไม่มีผู้เสียหาย ไม่มีใครกล้าเปิดตัว โดยเฉพาะในนครบาล ล้วนแต่หมกเม็ดปัญหาตำรวจ ไว้ใต้พรมตลอด พอถึงฤดูกาลโยกย้ายก็สั่งย้ายกันที เรื่องนี้มีตัวใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ที่คนวงการตำรวจรู้จักชื่อกันหมด เอาเป็นว่าประเทศนี้ พล.ต.ต.ใหญ่กว่า พล.ต.อ." นายวิทยากล่าว
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. กล่าวถึงกรณีนายวิทยาระบุว่า บช.น. มีการซื้อขายตำแหน่งราคาแพงกว่า บช.ภ.8 ถึง 2 เท่าว่า ขอยกตัวอย่าง ร.ต.อ.สมประสงค์ รักษาแก้ว รอง สว.สส.สน.ห้วยขวาง ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น สวป.สน.บวรมงคล โดยไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน ขอย้ำว่าตนแต่งตั้งคนที่ทำงาน ทำความดี นี่แค่ตัวอย่างเดียว ยังมีอีกหลายคนใน บช.น.
ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (สปพ.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ.กล่าวว่า ยืนยันได้ว่าทาง บก.สปพ.ไม่มีเรื่องการวิ่งเต้นเพื่อให้เลื่อนตำแหน่งแน่นอน เพราะดูผลงานเป็นที่ประจักษ์
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า ตามที่มีการกล่าวหาว่าการซื้อขายตำแหน่งในพื้นที่ บช.ภ.8 นั้น ผบ.ตร.จึงมีคำสั่งให้ พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ. 8 มาช่วยราชการที่ ศปก.ตร.และสั่งการให้ พลตำรวจเอก ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าการกล่าวหา มีมูลหรือไม่ ให้รายงานผลภายใน 15 วัน ขั้นนี้ไม่ได้หมายความว่า ผบช.ภ.8 มีความผิด หรือมีมูลตามที่มีการกล่าวอ้าง ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริง การให้ พล.ต.ท.เทศาออกจากพื้นที่ก่อน เพื่อความโปร่งใส อิสระในการตรวจสอบข้อเท็จจริง
"ขอให้ผู้ที่รับรู้ หรือรู้เห็นความไม่ชอบมาพากลในการแต่งตั้ง หรือตกเป็นเหยื่อ เข้าให้ข้อมูลต่อจเรตำรวจแห่งชาติเพื่อการสืบสวนตรวจสอบ เรื่องนี้ ผบ.ตร.ยอมไม่ได้ จึงขอความร่วมมือข้าราชการตำรวจหรือใครก็ตามที่มีข้อมูลให้รีบเข้าให้ข้อมูลแจ้งเบาะแสทันที" พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว และว่า แต่ทั้งนี้ก็เป็นไปได้ว่าอาจมีขบวนการหลอกลวง ตกเบ็ดหาประโยชน์จากการแต่งตั้งโยกย้าย คล้ายๆ กลุ่มที่หาผลประโยชน์จากการสอบเข้าราชการหรือการฝากเข้าทำงานในสถานที่ต่างๆ ซึ่งพบเห็นบ่อยครั้ง หากพบข้อมูลที่เข้าข่ายการกระทำความผิดจะต้องดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม หากท้ายที่สุดพบว่าไม่มีมูลความจริง เป็นเพียงการกล่าวอ้าง ที่ทำให้ภาพลักษณ์องค์กรตรวจได้รับความเสียหาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็พร้อมจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำต่อองค์กรตำรวจเช่นกัน
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายกฯสั่งการเรื่องการแต่งตั้งพิจารณาโยกย้าย ซึ่งนายกฯเคยเล่าให้ ครม.ฟังว่า ในระบบของข้าราชการพลเรือนค่อนข้างแปลก คนเป็นรองอธิบดี หากสมหวังก็ได้ขึ้นเป็นอธิบดี หากไม่สมหวังก็ไปเป็นผู้ตรวจราชการ จากนั้นก็ไปเป็นรองปลัด ไม่มีใครอยากอยู่ส่วนกลางเลย ไม่มีใครอยากมาเข้ากรม นายกฯมองว่าผิดจากการที่ควรเป็นในระบบ
"ดังนั้น ในปี 2560 นายกฯจะให้ใช้แนวทางนี้เป็นปีสุดท้าย แล้วให้ทุกหน่วยงานเตรียมการที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยจะต้องเป็นไปตามลำดับที่ควรจะเป็น จากรองอธิบดี เป็นอธิบดี จากอธิบดีขึ้นเป็นปลัดกระทรวง หรือผู้ตรวจ หมายความว่า ทุกตำแหน่งต้องมีรายละเอียดขอบเขตงานที่ชัดเจนเพื่อให้ระบบ ระเบียบเป็นไปในทิศทางที่ต้องการ ไม่ใช่เป็นไปตามที่คนคิดจะเป็น แล้วไปยึดติดกับตำแหน่ง นายกฯมอบหมายให้ทุกส่วนไปคิดว่าแนวทางที่จะเป็นแบบนั้นต้องเตรียมการอย่างไรบ้าง" พล.ท.สรรเสริญกล่าว